หมึกริบบอน

หมึกริบบอนบาร์โค้ด (Ribbon Barcode) เป็นหมึกพิมพ์ที่ใช้สำหรับการพิมพ์บาร์โค้ดบนฉลากสินค้า

ชนิดของหมึกริบบอนมีหลายประเภท โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้:

 

1. Ribbon Wax:

   เหมาะสำหรับงานพิมพ์สติ๊กเกอร์เนื้อกระดาษธรรมดากระดาษกึ่งมันกึ่งด้านกระดาษอาร์ตมัน

   ราคาถูก ช่วยลดต้นทุนสินค้า

   ใช้ความร้อนและสารเคมีต่ำในการพิมพ์ ทำให้ความร้อนของหัวพิมพ์ลดลง ประหยัดพลังงาน

   ไม่ทนต่อการขูดขีด ใช้งานได้ดีเฉพาะในอุณหภูมิปกติ ทนความชื้นได้ในระดับหนึ่ง

   พิมพ์งานได้ดีมีความคมชัด

   เหมาะสำหรับงานพิมพ์ทั่วไปเนื่องจากราคาประหยัด ไม่ต้องการความทนทานของตัวหนังสือ เช่น ติดกล่องราคาสินค้ากล่องอาหาร ทั่วไป แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานพิมพ์ฉลากที่ติดสินค้าแล้วมีการเสียดสีกัน.

2. Ribbon Wax-Resin:

   เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ติดทนทานมากขึ้น ใช้ในงานพิมพ์ในอุตสาหกรรม งานห้องเย็นห้องแช่แข็ง อุณหภูมิตั้งแต่ 0 ถึง -40 องศา

   ราคาไม่แพง

   มีความคมชัดสูง

   กันน้ำและสารเคมีในระดับปานกลาง

   ติดทนทาน เหมาะสำหรับงานพิมพ์บาร์โค้ดบนสินค้าที่ใช้เป็นเวลานาน

   ทนความชื้นได้ดี นิยมใช้ในงานพิมพ์ในอุตสาหกรรม เหมาะสำหรับงานห้องเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำ

   เหมาะที่ใช้ในงานที่ต้องการความทนทานสูง หรือมีโอกาสโดนคราบสารเคมี เช่น ติดเหล็กติด serial no. สินค้างานที่มีอุณหภูมิสูง หรือ มีโอกาสโดนสาร Solvent.

3. Ribbon Resin:

   - เป็นริบบอนที่พิมพ์แล้วทนต่อการขูดขีดไม่หลุดลอกใช้ได้หลากหลายในงานทั่วไป

   - ราคาสูง

   - มีความคงทนถาวรมากที่สุดโดยไม่ซีดจางหรือเสื่อมสภาพ

   - มีคุณสมบัติยึดติดพื้นผิวได้ดีมีความคมชัดติดทนนาน

   - ทนความร้อนและสารเคมีเหมาะกับงานอุตสาหกรรมต่างๆเช่นรถยนต์, ปิโตรเลียม, เคมีฉลากสินค้าที่มีสารเคมีและต้องโดนน้ำ

   - ใช้งานได้ดีโดยเฉพาะในอุณหภูมิสูงทนความร้อนสูงเช่นติดฉลากที่อะไหล่ยนต์, หม้อน้ำรถยนต์

   - เหมาะสำหรับงานคุณภาพปานกลางทนแรงขูดขีดได้ดีกว่า Ribbon Wax เช่นงานในห้องเย็น, งานที่มีการขูดขีดบ่อย.

 

4. Hot Stamp Ribbon:

   - ใช้สำหรับการพิมพ์กับเครื่องพิมพ์ฮ็อตแสตมป์แบบมือกด, แบบกึ่งอัตโนมัติ, เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์, เครื่องพิมพ์วันที่

   - ใช้ในการพิมพ์เครื่องหมายวันที่, ราคา, ลงบนหีบห่อ, บรรจุภัณฑ์หรือซองพลาสติกของสินค้า.

 

 

 

แต่ละชนิดของหมึกริบบอนมีความแตกต่างในด้านคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานซึ่งควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและความพอใจของลูกค้า.

Visitors: 1,367,193